One Half - naruhina - One Half - naruhina นิยาย One Half - naruhina : Dek-D.com - Writer

    One Half - naruhina

    ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาดุจดั่งดอกทานตะวันที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์

    ผู้เข้าชมรวม

    207

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    207

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    4
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ส.ค. 65 / 00:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาดุจดั่งดอกทานตะวันที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์

    แต่เมื่อพระอาทิตย์ไม่เคยเหลียวแลดอกทานตะวันปล่อยให้แสงแดดแผดเผาจนกลีบดอกสีเหลืองทองกลายเป็นสีคล้ำ แล้วเธอควรจะทำอย่างไรต่อไป?

     

     

    ฮิวงะ ฮินาตะ หญิงสาวผมม่วงยาวสลวยไล่มองไปที่ดอกไม้ชนิดต่าง ๆ ภายในร้านยามานากะ ร้านดอกไม้แห่งเดียวในหมู่บ้านโคโนฮะ ดอกไม้หลากหลายชนิดละลานตายิ่งมองตาเธอยิ่งลาย สีสันที่แต่งแต้มลงบนดอกไม้ดูงดงามจนเธออดไม่ได้ที่จะยืนเชยชมมันอยู่นาน จนเพื่อนสาวผมสีบลอนด์ที่นั่งเท้าคางมองเธอเอ่ยทักขึ้นมา

     

    “ไม่มีดอกไหนถูกใจเลยเหรอ? ”

     

    เธอสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจแล้วจึงหันไปมองตามเสียงเล็กแหลมที่ดังแว่วออกมาทางเคาว์เตอร์คิดเงิน ยามานากะ อิโนะ ส่งยิ้มให้เธอก่อนที่จะนั่งเท้าคางมองเธอดังเดิม เธอไม่ได้ติดใจอะไรมากนักเพราะเพื่อนสาวก็มาชมดอกไม้ที่ร้านของเธออยู่บ่อยครั้ง ยิ่งเป็นเพื่อนสาวที่น่าแกล้งคนนี้แล้วเธอยิ่งชอบเอ่ยแซวเธอ

     

    “มันสวยไปหมดเลยจนฉันไม่รู้จะซื้อดอกอะไรดีน่ะ”

     

    เธอว่าพลางหลุบตาลงต่ำ ดอกไม้ที่เธอชอบแทบจะมีทุกสายพันธุ์และเธอไม่ได้มีดอกที่ชอบเป็นพิเศษมากนัก

     

    “ดอกทานตะวัน”

     

    เมื่อคิดอะไรได้อิโนะจึงลุกออกมาจากเคาน์เตอร์ พลางเดินไปหยิบดอกทานตะวันสีเหลืองทองงดงามขึ้นมาหนึ่งช่อก่อนที่จะส่งมันมาให้เธอ

     

    “ความหมายของมันคือ ความเชื่อมั่นมั่นคง รักเดียวใจเดียว เหมาะกับเธอดีนะ”

     

    เธอจ้องมองช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือเพื่อนสาวใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นมา นอกจากมันจะเหมาะกับเธอแล้วเวลาจ้องมองไปที่ดอกไม้สวยงามนั้นเธอกลับนึกถึงใบหน้าของใครบางคน

     

    “งั้นเอาหนึ่งช่อจ่ะ”

     

    เธอก้มลงมองช่อดอกไม้ที่แนบอยู่ที่อกก่อนที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อย ดอกทานตะวันคงเป็นดอกไม้ที่เธอชอบที่สุดในตอนนี้และเธออาจจะชอบมันตลอดไป

     

    “ขอบคุณมากนะฮินาตะ”

     

    เธอพยักหน้าตอบรับก่อนที่จะหมุนตัวเตรียมเดินออกไปนอกร้าน

     

    “เอาไปให้นารูโตะเหรอ? ”

     

    ใบหน้าเธอเห่อร้อนขึ้นมาจนควันแทบออกหูเมื่อได้ยินชื่อนั้น เธอหันกลับไปมองก็พบว่าอิโนะกำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้เธอ เรื่องที่เธอแอบชอบเขาคงรู้กันทั้งโคโนฮะ เว้นก็แต่เจ้าตัวแหละนะ

     

    “มะ..ไม่ใช่!”

     

    เธอรีบวิ่งออกมาจากร้างดอกไม้ยามานากะด้วยความรวดเร็ว อิโนะมองตามหลังเพื่อนที่รีบวิ่งออกไปแล้วจึงลอบยิ้มออกมา ถ้าเจ้าบื้อนั่นรับรู้ความรู้สึกของฮินาตะมันจะดีสักแค่ไหนกันนะ

     

     

    ตามตำนานกรีกว่ากันว่า “ไคลที” เทพสาวสวยประจำน่านน้ำ เธอมิได้สนใจเทพองค์ใดเลยสักนิด แต่อยู่มาวันหนึ่งเกิดพายุโหมกระหน่ำขึ้นอย่างรุนแรง พายุได้พัดพาสิ่งต่างๆ ที่อยู่ใต้น้ำขึ้นมาบนบก รวมถึงเธอด้วย เธอฟื้นขึ้นมาบนชายหาดเมื่อได้สติจึงมองเห็นแสงแดดที่เธอได้แต่เฝ้ามองเมื่ออยู่ใต้น้ำ แต่สิ่งที่เธอหลงใหลที่สุดคงไม่พ้น “ดวงอาทิตย์” เธอเกิดอาการตกหลุมรักขึ้นมาซึ่งเทพองค์คือ “อพอลโล่” เธอเฝ้ามองดูความงดงามของดวงอาทิตย์ที่สาดส่องแสงมายังพื้นโลก วันแล้ววันเล่า แต่เทพอพอลโล่ไม่เคยหันมาเหลียวแลเธอเลยสักนิดเดียว

    จนที่สุดเหล่าเทพ เทวี ทั้งหลายเกิดความเห็นใจ จึงแปลงกายนางให้กลายเป็นดอกไม้ในโลกมนุษย์ชนิดหนึ่ง ชื่อ “ทานตะวัน” เมื่อดอกบานจะหันตามดวงอาทิตย์ตลอดเวลาตั้งแต่เช้ายันค่ำ จนกว่าดอกจะเหี่ยวเฉาไปตามธรรมชาติ

     

    และความรักของเธอคงเป็นแบบนาง

     

    “เฝ้ามองเขาอยู่ทุกวันแม้ว่าเขาจะไม่หันมาเหลียวแลเธอ”

     

     

    ฮินาตะเดิมหลบหลีกมาตามตรอกซอยพร้อมกับดอกทานตะวันที่ยังคงถือไว้แนบอก อย่างที่อิโนะว่าเธอตั้งใจซื้อดอกไม้ไปให้เขา แต่ทุกครั้งที่เธอเจอเขาเธอกลับเขินอายจนไม่เคยมอบดอกไม้งดงามนี้ให้เขาเลยสักครั้ง

    แม้ว่าเธอจะพยายามรวบรวมความกล้าครั้งแล้วครั้งเล่าเธอก็ไม่สามารถมอบดอกไม้ให้เขาได้ เธอคิดว่านี่คงเป็นเพราะนิสัยเขินอายของเธอที่เป็นข้อเสีย เธอไม่เคยอยู่ใกล้เขาได้เกินห้านาที เธอไม่เคยพูดคุยกับเขาเกินห้าประโยค มันเป็นเพราะนิสัยของเธอจริง ๆ เธอหลุบตาลงต่ำแล้วคลี่ยิ้มออกมาน้อย ๆ เมื่อไหร่เธอจะสามารถเอาชนะตัวเองได้นะ

     

    “ฮินาตะ”

     

    เสียงทุ้มต่ำปลิวไหวมาตามสายลมที่เข้ามายังโสตประสาททำให้เธอชะงักในการเดินไปสักครู่ เธอคงคิดถึงเขามากเกินไปจนหลอนขึ้นมาเอง เธอสูดหายใจเข้าหนัก ๆ หนึ่งครั้งพลางออดตัวเดินดังเดิม

     

    “เฮ้ ฮินาตะ!”

     

    เธอหันไปตามเสียงแล้วก็ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว ชายหนุ่มผมสีเหลืองทองเช่นเดียวกับสีดอกไม้ที่เธอโอบกอดไว้อยู่ กำลังทำหน้าสงสัยพลางส่งยิ้มมาให้เธอ

     

    “จะไปไหนน่ะ”

     

    เขาว่าพลางจ้องมองไปที่ดอกไม้ที่เธอกระชับอ้อมกอดไว้แน่น เธอคงจะซื้อดอกไม้ไปให้ใครล่ะมั้ง

     

    “กะ..กลับบ้านน่ะ”

     

    เธอเอ่ยตอบไปด้วยเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อยใบหน้าก็เริ่มเห่อร้อนขึ้น จนเธอรู้สึกว่าตอนนี้หน้าเธอต้องแดงมากๆ แน่ และมันจะแย่ไปมากกว่านี้ถ้าเธอยังยืนคุยกับเขาอยู่

     

    “อ่า”

     

    เสียงรอบกายที่เงียบลงมันทำให้เธอทั้งประหม่าและอึดอัด เธอก้มหน้าลงมองช่อดอกไม้ที่แนบชิดกับอกแล้วจึงถอนหายใจ เธอจะมีความกล้าพอที่จะยื่นมันออกไปแล้วมอบให้เขาหรือไม่

     

    “ให้ไปส่งไหม? ”

     

    ตาเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจอีกครั้ง การที่เขาเอ่ยชวนเธอออกมาแบบนี้มันยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

     

    “นะ..นารูโตะคุงจะลำบากเพราะฉัน”

     

    เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ซึ่งปกติเขาก็ไม่ค่อยจะได้ยินในสิ่งที่เธอพูดอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เพราะเขาอยู่กับเธอเพียงสองคนมันดังพอที่จะทำให้เขาได้ยิน

     

    “ฉันไม่มีอะไรทำอะแล้วเห็นเธอพอดี”

    “ให้ฉันไปส่งเถอะ”

     

    ยิ้มแฉ่งที่เขาส่งมาให้ทำให้เธอพ่ายแพ้ เธอพยักหน้าตอบกลับไปแล้วจึงเดินออกมาตามทางโดยที่มีเขาเดินอยู่เคียงข้าง

     

    อุซึมากิ นารูโตะ ลอบมองหญิงสาวข้างกายเป็นระยะ มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เขาจำความได้ เธอที่มักจะพูดน้อยและพูดเบาเสมอ ช่วงแรกเขารู้สึกว่าเธอดูเป็นผู้หญิงแปลก ๆ ทั้งพูดน้อยและดูอึมครึม แต่เมื่ออยู่ใกล้เธอมาสักระยะทำให้เขารู้ว่าเธอก็เหมือนดั่งเด็กสาวทั่วไป

    แค่นิสัยส่วนตัวของเธอเป็นคนที่พูดน้อยและขี้อายเท่านั้นเอง ซึ่งเขาชอบที่จะเข้าไปอยู่ใกล้เธอเพื่อแกล้งเธอเล่น ซึ่งปฏิกิริยาตอบกลับมันทำให้เขามึนงงในบ้างครั้ง ไม่ว่าจะใบหน้าที่แดงก่ำ หรือเป็นลมเวลาที่เจอเขา บางครั้งจึงทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นตัวซวยสำหรับเธอ

     

    “ดอกไม้นั่นเอาไปให้ใครเหรอ? ”

     

    เขาที่เป็นคนพูดมากรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่บทสนทนาของเขาและเธอมักจะเป็นแบบนี้ประจำ ซึ่งเขาไม่ถือโทษโกรธเธอเลยเพราะเขาเข้าใจถึงนิสัยส่วนตัวของเธอ

     

    “ปะ..เปล่าหรอกนารูโตะคุง”

     

    เธอตอบไปด้วยน้ำเสียงตะกุกเล็กน้อยภายในใจก็เต้นโครมครามจนเธอแทบจะเป็นลมไปตรงนั้น ใครจะกล้าบอกว่าดอกไม้ที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นเธอเตรียมที่มอบมันให้เขา

     

    “อ่า”

    “มันคือดอกทานตะวันใช่ไหม? ความหมายมันคืออะไรเหรอ? ”

     

    เขาเว้นจังหวะการพูดไปเล็กน้อยจากนั้นจึงเอ่ยถามมันไปออก เขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ที่บรรยายมันเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจแบบนี้ เขาจึงลอบมองดอกไม้สีเหลืองทองที่อยู่ในอ้อมแขนเธอ เขาเคยได้ยินอิโนะพูดถึงความหมายของดอกไม้ชนิดต่าง ๆ ซึ่งเขาไม่ใช่คนละเอียดอ่อนมากนักจึงไม่ค่อยใส่ใจมันสักเท่าไหร่

    ใบหน้าเธอเลิ่กลั่กขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเขาเอ่ยถามถึงความหมายของดอกไม้ชนิดนี้ เธอเม้มปากแน่นคิ้วขมวดขึ้นเป็นปมอย่างใช้ความคิด ความหมายลึกซึ้งของมันถ้าเป็นเขา เขาคงจะไม่ถือสาอะไรมากมายนัก เมื่อตัดสินใจได้แล้วเธอจึงหันไปส่งยิ้มให้เขาจากนั้นจึงบอกความหมายออกไป

     

    “หมายถึงความมั่นคง รักเดียวใจเดียว”

    “เหมือนที่ดอกทานตะวันไม่เคยหันมองสิ่งอื่นนอกจากดวงอาทิตย์น่ะ”

     

    เธอกล่าวจบจึงยิ้มออกมาเล็ก ๆ ความหมายของดอกทานตะวันเหมือนดังเธอ เธอที่มองแต่เขาเพียงผู้เดียว

     

    “น่าสงสารเนอะ”

     

    เมื่อเขาฟังความหมายจบจึงพึมพำออกมา ความหมายของดอกไม้ชนิดนี้มันน่าเศร้าเพราะเหมือนถูกผูกมัดกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ดอกทานตะวันอยู่รอดได้จากแสงอาทิตย์แม้ว่าดวงอาทิตย์จะไม่เคยแยแสมันเลยด้วยซ้ำ บางวันมันก็ส่องแสงร้อนแรงแผดเผากลีบดอกไม้สวยจนดำคล้ำ บางวันมันก็ไม่ส่องแสงจนดอกไม้เหี่ยวเฉา แล้วยิ่งเปรียบกับความรักมันยิ่งน่าเศร้า

     

    “น่าสงสารเหรอ? ”

     

    เธอพูดงึมงำพลางลอบมองเขาเล็กน้อย ความหมายที่เขาตีความมันคงน่าเศร้าสำหรับเขาและเธอก็คิดเหมือนกับเขา ดอกทานตะวันไม่เคยหันหาผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์ ซึ่งเธอก็ไม่เคยหันหาผู้ใดนอกจากเขาเช่นกัน

     

    “บางวันก็ส่องแสงจนกลีบดอกดำคล้ำ”

    “บางวันก็ไม่ส่องแสงจนดอกไม้เหี่ยวเฉา”

     

    เขาจ้องมองดอกไม้สีเหลืองทองที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอก่อนที่จะพูดต่อ

     

    “ดวงอาทิตย์มันไม่เห็นจะมาดูดำดูดีดอกไม้เลยด้วยซ้ำ”

     

    เขาว่าพลางไหวไหล่เล็กน้อย มันจริงอย่างที่เขาพูดดวงอาทิตย์ไม่เคยสนใจว่ากลีบดอกไม้สวยจะเป็นสีดำคล้ำไหม กลีบดอกไม้สวยจะเหี่ยวเฉาหรือเปล่า แต่ดอกทานตะวันเลือกที่จะเป็นแบบนี้ ดอกไม้สีเหลืองทองงดงามเลือกที่จะกลายเป็นสีคล้ำและเหี่ยวเฉา จนกว่าดอกไม้นั้นจะตายลง

     

    “แต่ทานตะวันอดทนนะ แม้ว่าดวงอาทิตย์จะไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ”

     

    เธอพยายามเถียงเขากลับข้าง ๆ คู ๆ ดอกทานตะวันที่เปรียบเสมือนตัวแทนของเธอ มันตรงกับใจและความรู้สึกจนเธออยากที่จะโอบกอดปกป้องมันไว้

     

    “อดทนจนยอมทำให้ตัวเองเจ็บตัวนี่สิ”

     

    เธอชะงักฝีเท้าลงเมื่อเขาเอ่ยประโยคนั้นออกมา มันจริงอย่างที่เขาว่า ดอกทานตะวันหันมองเพียงดวงอาทิตย์อย่างเดียวโดยไม่สนว่าความรู้สึกนั้นว่ามันจะกลับมาทำร้ายตัวเองไหม

     

    “เป็นอะไรน่ะ ฮินาตะ? ”

     

    เธอหยุดฝีเท้ากะทันหันจนเขาเบรกตัวแทบไม่ทัน คนข้างกายเขาสีหน้าไม่ค่อยดีจนเขาคิดว่าเธอคงไม่สบายจึงเอื้อมมือไปสัมผัสกับหน้าผากมน

     

    “ฮินาตะ? ”

     

    เขาดึงมือกลับมาพลางมองหน้าเธอด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้ยังดีอยู่เลยแท้ ๆ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันดูอึดอัดมากกว่าเก่าเสียอีก

     

    “แต่ดอกทานตะวันน่ะ รักแต่ดวงอาทิตย์ สนใจแต่ดวงอาทิตย์ ไม่มาสนใจหรอกว่าความรู้สึกนั้นจะทำให้ตัวเองเจ็บตัวไหม แค่รู้ว่ารักก็พอน่ะ”

     

    เธอแผดเสียงดังกว่าเก่าเล็กน้อยแล้วจึงตอบกลับเขาไป เธอเม้มปากแน่นแล้วจ้องใบหน้าหล่อเหลาของเขาไปด้วย ความรู้สึกของเธอเป็นเหมือนดั่งดอกทานตะวัน

     

    “อ่า”

    “เธอคงจะชอบมันมากแล้วฉันพูดออกไปตามความคิด ขอโทษนะ”

     

    เธอส่ายหน้าก่อนที่จะคลี่ยิ้มให้เขา ทุกอย่างที่เขาพูดมันจริงทั้งหมด เพราะดอกทานตะวันหันมองดวงอาทิตย์ฝ่ายเดียว ดวงอาทิตย์จะสนใจหรือไม่ ไม่เคยสนใจ เพียงแต่ได้หันมองชื่นชมอยู่ไกล ๆ แค่นี้ดอกทานตะวันผู้น่าสงสารก็ดีใจมากแล้ว

     

    “นารูโตะคุงไม่เห็นต้องขอโทษเลย”

     

    เธอกล่าวแล้วกระชับช่อดอกไม้ก่อนที่จะก้าวเดินออกไปอีกครั้ง อีกไม่กี่ซอยก็จะถึงบ้านของเธอแล้ว เธอยิ้มรับถึงความสุขเพียงช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เธอมีความสุขที่ได้เดินเคียงข้างกับเขา เธออยากที่จะเดินเคียงข้างกับเขาตลอดไป แต่มันเศร้าตรงที่เธอดันอยากเดินเคียงข้างเขาอยู่ฝ่ายเดียว

     

    ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ใกล้กันเพียงไหน

    แต่หัวใจของเรากลับไม่ได้เข้าใกล้กันเลยแม้แต่นิดเดียว

     

    เขามองแผ่นหลังเล็กที่เดินนำหน้าเขาไปแล้วก็มีความรู้สึกหนึ่งแว็บเข้ามาในใจทื่อๆ ของเขา ฮินาตะเป็นเด็กสาวที่เขาพบเจอมาตั้งแต่วัยเด็ก ตอนที่เขารู้จักเธอครั้งแรกเธอเข้ามาช่วยเขาไว้แม้ว่าเธอจะกลัวเหมือนกับเขา แต่นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของเธอ และเธอกล้าหาญขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาอดที่จะชื่นชมเธอไม่ได้

    เธอเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างดี ให้กำลังใจเขาเสมอและเขารู้สึกดีที่มีเธออยู่ในความทรงจำของเขา เธอที่เป็นหญิงสาวสวยสะพรั่งจนบางครั้งเขาก็แอบหลงใหลไปกับเธอ ซึ่งความรู้สึกเหล่านั้นมันคงเหมือนกับที่เขาคอยเฝ้ามองเพื่อนร่วมทีมอย่างซากุระ แต่พอเอามาเทียบกันแล้วความรู้สึกที่มีต่อฮินาตะนั้นต่างจากซากุระสิ้นเชิง มันคงเป็นเหมือนความรู้สึกที่เขาชอบกินข้าวเหนียวปั้นไส้ถั่ว

     

    “ขอบคุณที่มาส่งนะ นารูโตะคุง”

     

    เธอหันมาส่งยิ้มให้เขาเมื่อถึงที่หมายแล้ว เขาหลุดออกมาจากวังวนความคิดพลางจ้องมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเธอ

     

    “อ่า”

    “เข้าไปสิ”

     

    เขาส่งยิ้มให้เธอดังเคยแต่ภายในใจก็สับสนมึนงง เขารู้สึกไม่อยากแยกจากเธอ เขาอยากจะอยู่กับเธอให้นานกว่านี้อีกสักนิด

     

    “อื้ออ”

     

    เธอเปล่งเสียงตอบในลำคอก่อนที่จะหมุนตัวเตรียมเข้าบ้าน นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เธอไม่ได้ให้ดอกไม้เขา เป็นแบบนี้อีกแล้ว เป็นแบบนี้ตลอดมา

    เธออยากที่จะก้าวข้ามผ่านความรู้สึกที่อยู่ภายในใจดวงเล็ก ๆ นี้ไปได้ และครั้งนี้เธอก็ควรทำมันให้สำเร็จ

     

    “นารูโตะคุง!”

     

    ก่อนที่เขาจะเดินออกไปไกลเธอหลับตาลงแล้วเรียกชื่อเขาดังลั่น เพียงเพราะเสียงเธอที่เรียกเพียงชื่อเขาก็ทำให้หัวใจเขาพองโตขึ้นอย่างน่าประหลาด

     

    “ฮินาตะ? ”

     

    เขาเอียงคอสงสัยเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้เขาใบหน้าก็แดงก่ำไปด้วย แต่กลับกันตอนนี้หัวใจทั้งคู่เต้นแรงขึ้นมาจนแทบจะทะลุออกมาจากอก

     

    “ฉันให้”

     

    เธอเอ่ยเสียงแผ่วเบาแล้วยื่นช่อดอกไม้ที่เธอถนุถนอมมันมาตลอดทางนั้นให้เขา เขาแปลกใจเล็กน้อยที่จู่ ๆ เธอดันมามอบให้เขาแทน แต่เขาไม่อยากปฏิเสธน้ำใจจากเธอจึงยื่นมือออกไปรับช่อดวงไม้สวยนั้น

     

    “ให้ฉัน? ”

     

    เธอพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนที่จะเบือนหน้าหนี ตอนนี้เธอเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำแทบจะเป็นสีมะเขือเทศสุก

     

    “ขอบคุณนะ”

     

    เขายิ้มแฉ่งให้เธออีกครั้ง ภายในใจเขาก็ดันเต้นรัวขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ มันไม่เหมือนกับตอนที่เขากินข้าวเหนียวปั้นไส้ถั่วเลยสักนิด

     

    “อึ้มม ฉะ..ฉันเข้าบ้านก่อนนะ”

     

    ยังไม่ทันที่จะให้เขาทักท้วงอะไรออกมาเธอก็รีบวิ่งเข้าบ้านไปเสียแล้ว เขาลอบยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นแผ่นหลังเล็กหายเข้าไปในบ้าน เธอยังคงขี้อายเหมือนเดิมซึ่งไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ชอบมันนัก เขามองช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือแล้วอมยิ้ม ดอกไม้ช่อแรกที่เขาได้รับจากเธอเขาจะเก็บรักษามันไว้เป็นอย่างดีให้เท่ากับที่เธอตั้งใจมอบมันให้เขา

     

     

    ดอกทานตะวันที่หันมองดวงอาทิตย์อยู่แค่ฝ่ายเดียว

    ตอนนี้มันเบ่งบานเมื่อรู้ว่าดวงอาทิตย์ก็หันมองดอกทานตะวันเช่นเดียวกัน

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×